หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London)
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสัตว์เลี้ยงแปลกๆนานัปการ รวมถึงเหล่าฝูงกาซึ่งได้รับการพิทักษ์รักษาเป็นอย่างดีเนื่องจากผูกพันอยู่กับคำสาปโบราณ แม้แต่โครตเพชรโคห์อินูร์ก็ยังต้องคำสาปอีกเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้ที่แห่งนี้มีลักษณะผสมกันระหว่างความงามเจิดจรัสดังเพชรอันล้ำค่า กับความมืดดำแห่งอาถรรพ์ การทรยศ เหตุการณ์ลึกลับสาบสูญ และความลี้ลับบางประการ
แม้ว่าที่นี่จะเป็นพระราชวังที่พักอาศัยของเหล่าพระราชาพระราชินี เจ้าหญิงและเจ้าชาย
แต่ในอีกทางหนึ่งที่นี่คือป้อมปราการสำหรับเตรียมพร้อมการรบและสงคราม
เนื่องด้วยในช่วงเวลาแห่งการก่อสร้างในยุคนั้นเป็นช่วงที่ยุโรปมีศึกสงครามอยู่มาก
พระราชวังจึงถูกล้อมด้วยส่วนประกอบที่แข็งแกร่ง มีหอคอยมั่นคงซึ่งทำจากหินและล้อมรอบขอบชิดด้วยกำแพงหนา
ในอดีต ที่ผ่านมา สถานที่นี้เคยเป็นที่ตั้งของป้อมปราการโรมันมาตั้งแต่กว่าพันปีมาแล้ว จนกระทั่ง พระเจ้าวิลเลี่ยมผู้พิชิตของอังกฤษได้มาสร้างป้อมปราการขึ้นใหม่ และได้มีการเพิ่มเติมเสริมแต่งมาเรื่อยๆจนถึงบัดนี้ก็มีหลายหอคอยอยู่ภายในพระราชวังแห่งนี้จำนวนมาก
แม้ว่าจะมีการใช้งานในสถานะพระราชวังและคุก แต่สิ่งที่ผู้คนมักจดจำก็คือการเป็นคุกมากกว่า ที่ร่ำลือและจดจำมากที่สุดก็คือเหล่าพระญาติของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ทั้งพระมเหสี พระธิดา พระสุณิสา (สะใภ้) ที่ต่างมีเหตุเภทภัยให้ได้ใช้ที่แห่งนี้ในกิจกรรมหลายประการ เช่นเป็นที่คุมขังของมเหสีพระเจ้าเฮนรี่ถึง 2 พระองค์ และได้รับพระราชทานความตายทั้ง 2 พระองค์ด้วย
(หากท่านไม่รู้จักพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แนะนำให้อ่านบทแทรกในลิงก์นี้ครับ จะได้รู้จักพระองค์มากขึ้นพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 )
คนแรกคือพระนางแอนโบลีน ผู้ถูกประหารด้วยข้อหาเป็นชู้กับน้องชายตนเอง (ซึ่งเชื่อกันว่าแท้จริงแล้วถูกใส่ร้าย โดยเป็นข้ออ้างที่จะแต่งงานกับมเหสีพระองค์ใหม่) พระนางถูกนำตัวมาที่หอคอยฯเพื่อรอการประหารซึ่งต้องใช้เวลารอนานกว่าปกติ เพราะพระองค์เรียกร้องให้ใช้ดาบแทนการใช้ขวานอย่างที่ทำกันทั่วไป เพราะดาบเป็นอาวุธที่ดูมีเกียรติมากกว่าขวานซึ่งถูกใช้กับนักโทษทั่วไป การเรียกร้องที่จะตายอย่างพิเศษนี้ยืดเวลาแห่งชีวิตของพระองค์ไปได้พักหนึ่งทีเดียว เนื่องจากเพชฌฆาตที่ใช้ดาบหาไม่ได้ในอังกฤษแต่ต้องสั่งตรงมาจากฝรั่งเศส แต่ในที่สุดพระนางได้รับสิ่งที่รอคอยจนได้
หลังจากนั้น เรื่องราวสยองขวัญก็ถูกเล่าขานตามมา มีคนมากมายได้เห็นพระนางปรากฏตัวโดยเดินถือประเศียรไปมาในชุดแดง สร้างความหวาดหวั่นขวัญแขวนต่อผู้คนที่ได้พบเห็น
นี่ไม่ใช่พระราชินีพระองค์เดียวที่ถูกประหารที่นี่ ไม่นานนักก็ถึงคิวของนักโทษคนพิเศษอีกครั้ง คือพระราชินีแคเธอรีน เฮาเวิร์ด (Catherine Howard) มเหสีอีกพระองค์ของพระเจ้าเฮนรี่ฯ ซึ่งถูกประหารในข้อหาคบชู้อีกเช่นกัน
ภาพจากวิกิพีเดีย https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Unknown_woman_formerly_known_as_Catherine_Howard.png
สุภาพสตรีคนดังที่เป็นแขกของหอคอยแห่งลอนดอนอีกคนคือเจ้าหญิงอลิซาเบธ ซึ่งเป็นพระธิดาของพระนางแอน โบลีน ถูกนำตัวไปคุมขังโดยคำสั่งของพระราชินีแมรี่ พี่สาวต่างมารดา เนื่องจากเป็นที่สงสัยว่าทรงมีส่วนร่วมในการสนับสนุนฝ่ายโปรเตสแตนต์ซึ่งเป็นฝ่ายตรงกันข้ามของพระองค์
เจ้าหญิงอลิซาเบธเกือบจะมีชะตาชีวิตแบบเดียวกับพระมารดาแล้ว แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อพระนางแมรี่สวรรคตไปเสียก่อน เจ้าหญิงอลิซาเบธซึ่งเป็นรัชทายาทก็ได้รับการอัญเชิญออกจากคุกมาครองบัลลังก์กษัตริย์อังกฤษแทน
ภาพจากวิกิพีเดีย
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%98%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_1_%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9
มีเกร็ดเล็กน้อยคือ วันที่เจ้าหญิงอลิซาเบธเข้ามาที่นี่ตามธรรมเนียมปกตินักโทษจะต้องถูกนำตัวเข้ามาที่ประตูผู้ทรยศ (Theater gate) แต่พระองค์ปฏิเสธที่จะเข้าทางประตูนี้เนื่องจากพระนางไม่ใช่ผู้ทรยศ ทุกวันนี้ประตูแห่งนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชอบมาดูเพราะมีประวัติศาสตร์ตรงส่วนนี้อยู่
เรื่องราวสำคัญอีกประการที่ถูกจดจำในประวัติศาสตร์ คือการฆาตกรรมลึกลับที่เกิดขึ้นโดยเหยื่อนั้นได้แก่พระราชโอรสของเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ได้แก่ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดซึ่งมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา และริชาร์ดดุ๊กออฟยอร์กพระอนุชา ซึ่งถูกชิงบัลลังก์โดยพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ซึ่งเป็นพระปิตุลา ทั้ง 2 พระองค์ถูกสั่งให้ไปอยู่ในหอคอยโดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัยแต่หลังจากนั้นก็สาบสูญไป มีเรื่องเล่ากันว่าพระองค์หนึ่งถูกหมอนกดทับให้ขาดใจและอีกคนถูกแทงด้วยมีด แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาผูกมัด อย่างไรก็ตามเมื่อกาลเวลาผ่านไปยาวนาน มีการค้นพบโครงกระดูกเด็กชายสองคนที่ฐานของหอคอยขาว และถูกเชื่อว่าเป็นกระดูกของเจ้าชายทั้งสอง หลังจากนั้นจึงได้รับการนำไปฝังไว้ในวิหารเวสต์มินสเตอร์
ภาพจากวิกิพีเดีย
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A2
ที่เล่ามานี้เป็นเพียงตัวอย่างคนดังบางส่วนที่ถูกจองจำและประหารเท่านั้น ยังมีคนสำคัญอื่นๆอีกมาก เช่น กษัตริย์สก๊อตแลนด์ นักบวช ขุนนางคนสำคัญ พ่อมด และอื่นๆ แน่นอนที่นักโทษเหล่านี้ต้องไม่ใช่ธรรมดา แต่เป็นคนพิเศษมีตำแหน่งสูงหรือเป็นตัวอันตรายสูงสุดต่อราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม นักโทษเหล่านี้ไม่ได้อยู่อย่างทรมานเสียทุกคน อย่าลืมนะว่านักโทษที่นี่เป็นคนพิเศษ ตัวอย่างเช่นพระเจ้าจอห์นแห่งสก๊อตแลนด์ ได้รับอนุญาตให้เดินออกไปไหนต่อไหนได้ไกลถึง 21 ไมล์ โดยมีหมาและม้าไปด้วย
ห้องหนึ่งของหอคอยเกลือ เราจะได้เห็นจารึกที่บนผนังที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักโทษชั้นสูงเพื่อระบายความในใจขณะที่ถูกจองจำ ส่วนใหญ่เป็นคำกล่าวสักการะพระผู้เป็นเจ้าและนักบุญที่ตนนับถือ
นักโทษอีกคนในตำนานคือนักเล่นแร่แปรธาตุชื่อฮิว แดรพเพอร์ (Hew Draper) ผู้ถูกขังด้วยข้อหาเป็นพ่อมดในศตวรรษที่ 16 ฮิว แดรพเพอร์ ได้ฝากรอยจารึกไว้บนผนังที่หอคอยซึ่งเรายังคงเห็นได้จนทุกวันนี่ มีผู้ค้นพบว่ามันเป็นภาพของวงล้อจักรราศี มีตัวเลขวันที่อยู่ในนั้น หลายคนคิดว่าอาจเป็นการลงยันต์หรืออาคมบางอย่าง นอกจากนี้ยังจารึกวันที่ 30 พค.1561 ไว้ด้วย
จารึกบนผนังนี้ได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งบนผนังหอคอยไปแล้ว และที่แปลกก็คือไม่มีบันทึกที่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในวาระสุดท้ายแห่งนี้ บางทีเขาอาจจะตายที่นี่ หรือพ้นโทษไป หรืออาจจะหนีหายโดยใช้เวทย์มนต์อาคมที่มีอยู่ก็เป็นได้
ผ่านเรื่องน่ากลัวและเรื่องความตายมาแล้ว ลองมาฟังเรื่องสวยๆงามๆกันบ้าง ซึ่งก็ได้แก่เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของอังกฤษที่ได้กล่าวมาแต่ต้นนั่นเอง ที่นี่มีทั้งคทายอดเพชร มงกุฎเพชร และอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่ประกอบจากวัสดุมีค่า แต่ที่สำคัญที่สุดคือพระมหามงกุฎของพระราชินี ที่ประดับด้วยเพชรโคห์อินูร์ ซึ่งแปลว่าขุนเขาแห่งแสงสว่าง เป็นที่ร่ำลือกันว่าผู้ใดได้ครอบครองจะเกิดภัยร้ายขึ้น มีตำนานเล่าขานกันถึงที่มาของโคตรเพชรเม็ดนี้ว่ามันถูกขโมยมาจากพระนลาตของเทวรูปพระกฤษณะในวิหารแห่งหนึ่งโดยมันมีคำสาปว่าบุรุษที่ครอบครองเพชรนี้จะได้ครองโลกแต่จะต้องพบกับพินาศที่ยิ่งใหญ่ และเชื่อกันว่ามีเพียงสตรีเท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าของเพชรนี้ได้อย่างปลอดภัย เพชรโคอินัวร์ก็ถูกเปลี่ยนมือไปสู่ผู้ปกครองในดินแดนต่างๆบริเวณชมพูทวีป ปากีสถาน อัฟกนิสสถานอีกหลายพระองค์ แต่ละรายที่ได้ครองพบกับพบกับหายนะในด้านต่างๆที่เกิดจากสงคราม การแย่งชิงอำนาจ และความรัก ตัวอย่างเช่นพระเจ้าชาห์จาฮานแห่งราชวงศ์โมกุลผู้สร้างทัชมาฮาล ก็เคยเป็นผู้หนึ่งที่ได้ครอบครองเพชรนี้ซึ่งได้นำพระองค์ไปสู่การถูกคุมขังและความตายในเวลาต่อมา จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่เชื่อคงจะเบาใจได้ในขณะนี้เพราะเจ้าของมงกุฏในปัจจุบันคือสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่สองซึ่งเป็นสตรี
คราวนี้ของเล่าเรื่องสัตว์โลกผู้น่ารักที่หอคอยแห่งนี้บ้าง ก่อนอื่นขอเริ่มด้วยนางเอกชุดดำแห่งหอคอยฯซึ่งก็คืออีการาเวน (raven) (หมายถึง Raven ซึ่งก็คืออีกาพันธุ์ แต่คนละชนิดกับอีกพันธุ์ที่เรียกว่า craw และมีลักษณะแต่ต่างกัน เช่นมีขนดำมันวาว มีอายุยืนกว่า และเสียงทุ้มต่ำกว่า) ซึ่งถูกเลี้ยงไว้อย่างดีเพื่อพิทักษ์รักษาราชวงศ์อังกฤษ ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่อย่างใดเพราะฝูงนกกาเหล่านี้ผูกพันกับเรื่องคำสาปโบราณ (หนีไม่พ้นเรื่องนี้อีกแล้ว) ที่มีการพยากรณ์ในสมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 2 ว่าวันใดที่หอคอยแห่งลอนดอนไม่มีอีกาอยู่วันนั้นจะเป็นวันสิ้นสุดของราชวงศ์อังกฤษ
ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ จะมีใครเชื่อก็ตาม สิ่งนี้ส่งผลให้หมู่กาเหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องแลกกับอิสรภาพโดยการถูกเล็มปีกเพื่อให้บินหนีไปไหนไม่ได้แบบเดียวกับนางมโนราห์ของเรา แต่แปลกจัง วันที่ผมเข้าไปชมนั้นเจออีกาอยู่ตัวเดียวเหมือนเอาไว้เป็นนางโชว์เท่านั้น ตัวอื่นถูกเก็บไปไว้ไหนหมดไม่รู้ แต่ถ้าใครอยากเข้าไปทักทายก็ขอเตือนนะว่าพวกมันไม่ใช่นกน้อยน่ารัก มีข่าวเตือนว่าไม่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวและมีบางคนโดนจิกตีด้วย
นอกจากแม่นางฝูงกาแล้ว ที่นี่ยังมีตำนานสรรพสัตว์สารพัดสัตว์ที่เคยถูกนำมาเลี้ยงและสร้างเรื่องราวเอาไว้ไม่น้อย ทั้งลิงช้างสิงโตหมีเสืองูนกและอื่นๆ โดยบางส่วนถูกส่งมาเป็นของขวัญจากแดนไกลแด่ราชวงศ์อังกฤษซึ่งสร้างเรื่องพิสดารขึ้นหลายอย่าง เคยมีฝูงลิงซึ่งถูกปล่อยออกมาให้คนชมจนกระทั่งไปทำร้ายผู้คน การปล่อยหมาในกับสิงโตให้มาสู้กันเพื่อสร้างความทันเทิงให้กับคนในวัง (เรื่องโหดอีกแล้ว) การตายของนกกระจอกเทศซึ่งมารู้ทีหลังว่ากลืนตะปูเข้าไปเพราะนึกว่าเป็นอาหาร (อันนี้คิดถึงเต่าออมสินของบ้านเราจังเลย)
เรื่องของหอคอยแห่งลอนดอนจะยังไม่สมบูรณ์หากไม่ได้พูดถึงสีสันสดใสของที่แห่งนี้
ซึ่งก็คือยัวร์มาน (yeoman) คือเจ้าหน้าที่ของพระราชวัง
ซึ่งมีความโดดเด่นจากการแต่งชุดสุดเฟี้ยว เป็นชุดตามแบบเจ้าพนักงานสมัยโบราณสีแดงฉูดฉาดบาดตาใส่หมวกสวยเก๋
ชวนให้นึกถึงซานตาครอส คุณยัวร์มานเหล่านี้นอกจากจะเป็นเจ้าหน้าที่ในคุก เอ๊ย
ในวังแล้ว ยังคอยอำนวยความสะดวก ควบคุมดูแลหอคอยฯ อีกทั้งสามารถเล่าเรื่องต่างๆให้นักท่องเที่ยวฟังอีกด้วย
เราจึงได้เห็นนักท่องเที่ยวจับกลุ่มกันรายรอบชายชุดแดง ตั้งใจฟังแล้วก็มีเสียงหัวเราะออกมาเป็นครั้งคราว
เพราะยัวร์มานชอบเล่าเรื่องตลกสอดแทรกไปพร้อมกับเกร็ดต่างๆที่สนุกสนาน
หน้าที่สำคัญของยัวร์มานอีกประการคือการไล่คนออกตอนที่หอคอยฯปิด
เหล่าซานตาครอส เอ้ย ยัวร์มานจะเดินมาตะโกนเสียงดังว่าหมดเวลาแล้ว (แต่นักท่องเที่ยวจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินจนพวกเขาต้องตะโกนดังขึ้นเรื่อยๆ)
และหน้าที่พวกเขาไม่ได้หมดเพียงแค่นั้น ยัวร์มานตัองทำหน้าที่สืบสานประเพณีสำคัญของชาววังที่พวกเราจะไม่ค่อยได้เห็น
นั่นก็คือพิธีล็อคประตู ซึ่งพิธีนี้นี้สำคัญไม่ใช่เล่นเป็นเรื่องเป็นราวหรูหราเลยทีเดียวมีชื่อเรียกว่าพิธีแห่งกุญแจ
(ceremony
of the keys) อย่าลืมซิว่าที่นี่คือคุกหลวง การล็อคประตูก็จะต้องมีพิธีรีตรองเป็นธรรมดา
โดยหัวหน้ายัวร์มานจะทำหน้าที่เดินถือตะเกียงและกุญแจไปพร้อมกับทหารกองน้อย 4 นาย ตั้งแถวตบเท้าเป็นระเบียบไปยังแต่ละประตูแล้วทำการล็อค
แล้วเมื่อมาถึงประตูหอคอยเลือดก็จะพบกับนายทหารเฝ้าประตูคนหนึ่งซึ่งจะชี้กระบอกปืนมา
แล้วตะโกนถามว่า "ใครมาน่ะ" ซี่งยัวร์มานต้องตอบไปว่า "กุญแจมา"
นายทหารจะถามกลับว่า "กุญแจของใคร"
ยัวร์มานก็จะตอบว่า "กุญแจของพระราชินีอลิซาเบธ" แล้วอีกฝ่ายก็จะบอกว่า "จงส่งกุญแจของพระราชินีมา"
แล้วให้ยัวร์มานเดินผ่านเข้าไปทำหน้าที่ต่อ ซึ่งพวกเขาจะเปิดหมวกออกชูขึ้นและพูดว่า
"ขอพระเจ้าคุ้มครอง" นายทหารจะพูดกลับไปว่า "เอเมน"
หลังจากนั้นเสียงแตรจะดังขึ้น และหัวหน้ายัวร์มานก็จะนำกุญแจกลับเข้าไปเก็บ
ถ้าใครสนใจดูวีดีโอ มาตามลิงก์นี้ได้ครับ
ขั้นตอนเหล่านี้เป็นพิธีการซึ่งต้องทำทุกวันซ้ำๆกันและทำต่อเนื่องมาเป็นเวลา
700 กว่าปีแล้วไม่รู้ว่าเค้าเบื่อกันรึเปล่า แม้ว่าจะดูไร้สาระแต่ก็แสดงวินัยของผู้ดูแลรักษา
และเหนืออื่นใดก็คือการรักษาวัฒนธรรมประเพณีโบราณอันเป็นลักษณะเด่นของคนอังกฤษ เรื่องที่น่ายินดีก็คือมีข่าวว่าตอนนี้พิธีแห่งกุญแจเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมแล้ว
เผื่อใครอยากดูงานเอาไว้ใช้ที่บ้านตนเองก็สามารถจองตั๋วไปดูได้ แต่ที่นั่งมีจำกัดและต้องไปดูช่วงกลางคืนนะ
เห็นไหมละครับว่าหอคอยแห่งลอนดอนเล่าเรื่องราวต่างๆไว้หลายเรื่อง เพราะที่นี่กักเก็บประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ไว้หลายช่วงเวลาด้วยกัน
ผู้ที่มาเยือนจึงได้ทั้งความรู้ ความน่ากลัว และความเพลิดเพลินครบรสชาด เป็นสถานที่สร้างความประทับใจของใครๆไปอีกนาน
Comments
Post a Comment