รำลึกประวัติศาสตร์ ที่พระราชวังโฮลีรูด เอดินบะระ
ก่อนจะเข้าประตูเราจะได้เห็นปูนปั้นด้านบน เป็นตราสัญลักษณ์สัตว์ประจำสก๊อตแลนด์นั่นคือก็ยูนิคอร์น(ของอังกฤษจะเป็นสิงโต) สองตนอยู่ขนาบถือโล่ใบหนึ่งอยู่ รอคอยให้เราได้เข้าไปชมข้างใน
ตอนที่ไปชมพระราชวังที่อังกฤษจะคุ้นเคยกับพนักงานที่แต่งโค้ชชุดแดงหรือเสื้อคลุมแดงมาคอยต้อนรับเราอยู่หลายครั้ง
เมื่อมาที่สก๊อตแลนด์ก็คาดหวังว่าจะได้เห็นชุดทำนองนี้อีก แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆเจ้าพนักงานที่นี่แต่งชุดฟอร์มสะดุดตาเหมือนกันแต่ดูมีเอกลักษณ์มากกว่า
ในขณะที่ชุดของอังกฤษเป็นสีแดงที่นี่ก็เป็นสีเขียว แถมยังเป็นลายสก๊อตอีกด้วย ผู้หญิงสวมใส่กระโปรงผ้าสก๊อต
แต่ผู้ชายไม่ได้ใส่กระโปรงหรอกนะ เขาใส่กางเกงโดยใช้ผ้าแบบเดียวกัน มีเสื้อตัวนอกคลุมไหล่
สำหรับประวัติของวัง
ก่อนที่จะมาเป็นพระราชวังโฮลีรูดที่นี่เคยเป็นโบสถ์มาก่อนในประมาณปี 1128 แต่ต่อมาก็ได้ถูกใช้เป็นพระราชวังแห่งสก๊อตแลนด์ เป็นสถานที่ประสูติ สมรส และที่ฝังพระศพ ในเวลาที่ผ่านมาพระราชวังโฮลีรูดก็มีการก่อสร้างอยู่เสมอ
เช่นการสร้างหอคอยเพิ่มเติมในเวลาต่างกัน แต่ก็มีความกลมกลืนกันอย่างดี
ความรุ่งเรืองหรือตกต่ำของโฮลีรูดนั้นเกิดขึ้นโดยผูกพันกับการเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ในช่วงของพระเจ้าเจมส์ที่
6 พระโอรสของควีนแมรี่ ผู้ซึ่งครอบครองทั้งสก๊อตแลนด์และอังกฤษทำให้แผ่นดินทั้งสองได้รวมเป็นทองแผ่นเดียวกัน
โดยพระองค์เป็นเจมส์ที่ 6 ของสก๊อตแลนด์ และเป็นเจมส์ที่ 1
ของอังกฤษ (งงไหมฮะ เรื่องนี้ได้กล่าวถึงในบทความอีกอันเรื่อง ศึกชิงบัลลังก์ราชินีทิวดอร์ ตามไปดูลิงก์นะครับ)
เมื่อถึงคราวที่สถาบันพระมหากษัตริย์ตกต่ำลง
พระราชวังโฮลีรูดก็ถึงจุดตกอับลงด้วยเช่นกัน หลังจากที่พระเจ้าชาร์ลที่ 1
ถูกประหารจากการปฏิวัติโดยครอมเวลล์ สก๊อตแลนด์ก็ถูกรุกรานและโฮลีรูด ถูกนำมาใช้เป็นค่ายทหาร
และบางส่วนก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ หลังจากนั้นยังมีเหตุการณ์ไฟไหม้เกิดขึ้นอีก
เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคมืดหม่นสุดขีด
นอกจากตัวพระราชวังแล้วที่นี่นี้ยังมีโบสถ์อีกด้วย มีชื่อว่ามหาวิหารฮอลีรู้ดแอบบี้ (Holyrood Abbey) แต่ขณะนี้มีสภาพเป็นซากโบสถ์ไปแล้ว
ตามตำนานนั้นกล่าวว่าในปี 1127 ขณะที่กษัตริย์เดวิดที่ 1 กำลังล่าสัตว์อยู่ในป่า กวางป่าตัวหนึ่งได้วิ่งเข้ามาทำให้ม้าทรงของพระองค์ตกใจและพระองค์ก็พลัดตกลง
พระเจ้าเดวิดพยายามเข้าต่อสู้กับกวางที่กำลังเข้ามาขวิดโดยเข้าไปจับเขากวางไว้ และแล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อมีการปรากฏของแสงสว่างเรืองรองเป็นรูปไม้กางเขนขึ้นมาระหว่างเขาทั้งสองก่อนที่กวางป่าจะพ่ายแพ้หนีไป
ด้วยความสำนึกในพระคุณของพระเจ้า พระองค์จึงได้สร้างโบสถ์นี้ขึ้นในเวลาอีกในเวลาต่อมา
แม้ว่าโบสถ์จะมียุคที่รุ่งเรืองแต่ก็เกิดภัยอันตรายเข้ามาทำลายหลายครั้ง
ทั้งจากสงครามกับอังกฤษและภัยจากการปฏิรูปศาสจักรซึ่งเป็นช่วงที่ฝ่ายโปรเตสแตนท์ต่อสู้กับคาทอลิก
มีการทำลายและปล้นสะดมทำให้ Holyrood Abbey พังทลายลงมาและถูกกัดกร่อนโดยกาลเวลาจนเป็นแบบที่เราเห็น
นี่มิใช่เราผู้เดียวที่คิดเช่นนั้นดอกนะ
คีตกวีเอกของโลกคือเมนเดลโซห์น (Felix Mendelssohn) เคยมาเยือนที่นี่มาแล้วและก็คงรับรู้ความรู้สึกแบบเดียวกับเรา
เกิดแรงบันดาลใจมาแต่งซิมโฟนีหมายเลข 3 ที่มีชื่อว่า Scottish โดยได้มีบันทึกเอาไว้ว่า
“เบื้องต้นสำหรับงานชิ้นนี้ ในพลบค่ำที่มืดมิด เราได้ไปยังพระราชวังที่ซึ่งพระราชินีแมรี่ได้เคยอาศัยอยู่
ซากโบสถ์ไร้หลังคามีหญ้าและไม้เลื้อยเติบโตปกคลุมแท่นบูชาที่พังทลาย ทุกสิ่งทุกอย่างล่มสลาย
ผุพัง ท่ามกลางท้องฟ้าใสกระจ่าง ฉันคิดว่าได้พบจุดเริ่มต้นของซิมโฟนีสก๊อตแลนด์ของฉันแล้ว”
Comments
Post a Comment