ชมงานศิลปินทั่วโลกที่หอศิลป์แห่งชาติสก๊อตแลนด์ (National Gallery of Scotland) เอดินบะระ
เดินจากที่พักไม่นานก็มาถึงหอศิลป์แห่งสก๊อตแลนด์
แม้ว่าที่นี่จะไม่ใหญ่โตเท่ากับหอศิลป์แห่งชาติที่ลอนดอนแต่ก็น่าสนใจเพราะมีงานของศิลปินชื่อดังของยุโรปอยู่หลายคน
อีกทั้งมีงานศิลปินสก๊อตแลนด์คนดังอยู่หลายชิ้นด้วย
และสิ่งที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งคืออาคารของหอศิลป์สไตล์นีโอคลาสิกมีหน้าจั่วและเสาไอโอนิคสวยงาม
กลมกลืนไปกับบริเวณโดยรอบและส่วนอื่นๆของเมือง
ก่อนอื่นขอบอกว่าชิ้นงานที่สะสมอยู่นั้นส่วนใหญ่เป็นศิลปินยุโรปประเทศต่างๆที่มีชื่อเสียง
ส่วนศิลปินสก๊อตแลนด์นั้นจะมีจัดแสดงในส่วนเฉพาะ ซึ่งก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ห้องแรกคือศิลปะยุคโกธิค
มีภาพเขียนบนแผ่นไม้ที่ใช้สำหรับบูชาฉาบเคลือบสีทองสวยงาม เป็นเรื่องราวของพระเยซูและนักบุญต่างๆในสไตล์เดียวกับที่เราได้เห็นในลอนดอนมาแล้ว
ส่วนยุคสมัยเรเนซองส์ท่านจะได้พบกับภาพเขียนของอัครมหาศิลปินของโลกหลายท่าน
ตัวอย่างเช่น ภาพของราฟาเอล เป็นรูปพระแม่มาเรียกับกุมารพระเยซูและนักบุญจอห์น และอีกภาพเป็นครอบครัวพระเยซู
พระแม่มาเรีย โยเซฟ และกุมารน้อยเยซูอยู่กันครบเซ็ต
ภาพวาดสมัยเรเนซองส์ที่ผมชอบอีกภาพหนึ่ง
เป็นของศิลปินเยอรมันชื่อลูคัส ครานาช (Lucas Cranach) เป็นภาพเปลือยผู้หญิงหุ่นสะโอดสะองจูงมือเด็กน้อยมีปีกถือคันศรคนหนึ่ง
ผู้หญิงนั้นคือวีนัส
เทพีแห่งความงามซึ่งเป็นมารดาของกามเทพนั่นเอง จุดเด่นคือนางแบบที่มีความงามแบบผิดปกติ
รูปร่างผอมแบน หน้าอกเล็ก ผิดความนิยมในยุคนั้น นางวีนัสผมยาวแผ่ออกเป็นแท่งปลายแหลมบนฉากหลังสีพื้นดำ
สวมใส่แค่สร้อยคอใหญ่เท่าโซ่ ดูแล้วเหมือนภาพสมัยใหม่ไปเลย
ภาพนู้ดของลูคัสนี้มีหลายภาพมากแพร่กระจายอยู่ในหลายประเทศ
และมีศิลปินสมัยใหม่นำไปเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพผู้หญิงต่อไปอีกด้วย
งานอีกชิ้น
(จริงๆสองชิ้น) ที่โดดเด่นก็คือประติมากรรมนักบวช 2 คนที่ดูน่ากลัวเกินกว่าจะเป็นนักบวช เป็นร่างที่ห่มคลุมด้วยชุดผ้าคลุมหนาหนักไปทั้งตัวแต่ไร้ใบหน้า
ไม่แปลกที่เป็นเช่นนั้นเพราะสองรูปนี้เคยถูกประดับอยู่ในสุสานมาก่อน
แถมในสถานที่ดังเดิมยังมีรูปแบบนี้อีกหลายชิ้นด้วย
งานของปีเตอร์ พอล รูเบน
ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องภาพวาดเทพเจ้ากรีกและโรมัน โดยเฉพาะภาพเรื่องราวตอนที่พระพุธ
(Mercury)
อุ้มนางไซคีมายังสวรรค์
ซึ่งเป็นตอนจบหลังจากที่นางไซคีคู่รักของกามเทพถูกวีนัสซึ่งเป็นแม่ผัวใจร้าย
(เพราะอิจฉาในความงามของนางไซคี) กลั่นแกล้งให้ไปผจญภัยแทบตาย ก่อนที่จะได้พบกับกามเทพอีกครั้ง
หลังจากนั้นเทพซีอุสก็บัญชาให้พระพุธพานางเหาะลงมายังสวรรค์เพื่อครองรักกับคิวปิดต่อไป
อันที่จริงเรื่องนี้มีความยืดยาวมากกว่านี้มาก แต่ตอนนี้ขอเชิญชวนให้ดูภาพงามกันก่อน
หญิงชายเปลือยตรงกลางภาพคือพระพุธหรือเทพเมอร์คิวรี ใส่หมวดมีปีกและคฑารูปนกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว
กำลังอุ้มนางไซคีแสนสวย รอบข้างนั้นมีตัวละครหลายตน อย่างเช่นกามเทพ และแม่ผัววีนัสซึ่งกำลังประทับบนรถทรง(355) (แต่ทำไมดูเหมือนสเกตบอร์ดมากกว่า) และเทพเจ้าอื่นๆอีกสารพัด เป็นตอนจบที่มีความสุขก่อนจะตามมาด้วยการฉลองงานแต่งงานต่อไป
หลังจากนั้นก็เข้าสู่งานสมัยใหม่
โดยเฉพาะยุคของอิมเพรสชันนิสม์ อย่างเช่น ภาพของโกแกง รูปการต่อสู้ระหว่างยาโคปหรือจาคอบ
(Jacob)
กับทูตสวรรค์ ซึ่งแสดงการเป็นตัวแทนของฝ่ายมนุษย์กับฝ่ายจิตวิญญาณ
แต่ส่วนที่โดดเด่นเห็นชัดกลับเป็นฝูงแม่ชีที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้นี้อยู่ รูปนี้มีความสำคัญคือมันบ่งชี้ถึงการหลุดออกจากกรอบของศิลปะยุโรปแบบเดิมไปแล้วเพราะภาพไม่ได้มีความสมจริงอีกต่อไป
พื้นหลังสีแดงก็ไม่เหมือนจริง และไม่ได้ใช้ทัศนวิสัย (perspective) แสดงมิติของภาพตามที่สายตามนุษย์เห็นจริงอีกต่อไป แต่สามารถแสดงความตื้นลึกได้จากระนาบของรูปต่างๆ
โดยผู้วาดได้แรงบันดาลใจมากจากภาพพิมพ์ญี่ปุ่น
ส่วนต่อไปจะเป็นงานของศิลปินสก๊อตแลนด์ต่างๆ เซอร์ ดสวิด ยังก์ คาเมรอน (Sir David Young Cameron) งานจิตรกรรมของเขาเป็นภาพหยาบ ๆที่เน้นแสงเงาในช่วงเวลาต่างๆ บางภาพก็เป็นช่วงแดดแรงซึ่งมีเงามืดตัดแสงสว่างฉุบฉับ บางภาพเป็นสถาปัตยกรรมที่ทาบทับเป็นระนาบของผนังและเงา
ส่วนที่สร้างความประทับใจกับผมมากคืองานภาพพิมพ์โลหะเป็นลายเส้นต่างๆ รูปสิ่งของและงานทางสถาปัตยกรรม อย่างเช่นประติมากรรมกากอยบนหลังคา ภาพสถาปัตยกรรมในที่ต่างๆ รูปทรงงาม แสงเงาสวย ลายเส้นเลิศ ชมได้ไม่มีเบื่อ
คนต่อมาคือ
Phoebe
Anna Traquair (บางคนก็เรียกเธอว่าฟีบี้) งานของฟีบี้เป็นศิลปะที่มีลักษณะสวยงาม รูปแบบสไตล์ของเธอเป็นแบบอาร์ตนูโว (Art Nouveau) ซึ่งเป็นสไตล์ที่มีความอ่อนหวานเน้นสวยงามเป็นหลัก
ภาพที่นำมาแสดงเป็นชุดภาพบุคคลสามภาพที่มีลักษณะแบบเทพนิยายซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณมนุษย์สามประการ
มีชื่อว่า The Progress of a Soul แสดงอารมณ์สามประการ คือความสิ้นหวัง
(Despair) ความกังวล (Stress) และชัยชนะ
(Victory) ซึ่งดูแล้วขนลุกเลยเพราะแต่ละภาพเธอไม่ได้ใช้แปรงวาดแต่ใช้วิธีการปักไหมเส้นเล็กๆไปบนผ้า
นับว่ามีพยายามอย่างสูงมาก
ภาพสะดุดตาอีกภาพ วาดโดย Gavin Hamilton มาจากเทพปกรณัมกรีก คือมหากาพย์อีเลียด (Eliot) ของกวีโฮเมอร์ เป็นรูปเปโตรคัส (Patroclus) พระเอกนักรบที่สิ้นใจตายจากสงคราม โดยมีเพื่อนรักของเขาคือ Achilles ได้เข้ากอดศพด้วยอาการโศกเศร้าอย่างสุดสลด
มีเกร็ดเล่ากันว่า ความรักของชายทั้งสองในมหากาพย์นั้นแนบแน่นเกินไปกว่าเพื่อนรักธรรมดาจนบางคนแปลความว่า ทั้งสองเป็นคู่รักเกย์กันก็มี ใครอยากรู้ลองนั่งไทม์แมชีนไปถามโฮเมอร์ก็แล้วกัน
ภาพสุดท้ายที่จะขอแนะนำซึ่งเป็นภาพเขียนสุดยอดของพิพิธภัณฑ์นี้คือ Skating on Duddingston Loch เป็นรูปของ Reverend Robert Walker ซึ่งเป็นรัฐมนตรีในชุดสีดำใส่หมวกแลดูเป็นทางการ แต่กำลังทำในสิ่งที่ดูตรงกันข้ามซึ่งไม่น่าจะไปด้วยกันได้ คือการเล่นสเก็ตโดยกอดอกและยืนด้วยขาข้างเดียวและขาอีกข้างยกขึ้นสูง แล่นไหลลื่นไปในทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง ภาพนี้เป็นงานของศิลปินสก๊อตแลนด์คือ Sir Henry Raeburn ที่โด่งดังที่สุด
ความสะดุดตากับความประหลาดและขัดแย้งของมันที่คนดูรู้สึกได้ (364) ท่าทางการเล่นสเก็ตโดยกอดอกแล้วโลดแล่นไปราวกับเป็นโลกมหัศจรรย์ที่ไม่มีทางทำได้จริงในขณะที่นายโรเบิร์ตนั้นเฉยเมย ทำให้โลกจดจำและโด่งดัง
Comments
Post a Comment