หอศิลป์เทตบริเตน (Tate Britain) ลอนดอน

 

งานต่อไปก็คือทัวร์งานศิลปะแบบฮาร์ดคอร์กันต่อ คราวนี้ก็เป็นคิวของหอศิลป์เทตบริเตน (Tate Britain) ซึ่งเดินทางมาไม่ยากเลย ตามป้ายลูกศรซึ่งบอกทางมาโดยตลอดก็พบอาคารใหญ่ด้านหน้ามีจั่วและเสาสูงแบบวิหารกรีกริมแม่น้ำเทมส์เดาไม่ยากว่านี่คือที่หมาย 



เนื่องจากศิลปะที่นี่มีมากมายจนพรรณนาได้ไม่หวาดไหว แต่หากจะให้ผมพาทัวร์อาจยกตัวอย่างที่ตัวเองประทับใจมาบางชิ้น พอให้เกิดความอยากที่จะมาลิ้มลองดูของจริงที่นี่บ้าง ลองดูซิว่าจะตรงรสนิยมกันบ้างไหม

Cholmondeley Ladies เป็นภาพหญิงสอง อุ้มทารกซึ่งถูกห่อไว้ด้วยผ้าแดงอยู่บนตัก จัดท่าทางแบบเดียวกันเป๊ะ เหมือนฝาแฝดคู่หนึ่งถูกปั๊มลงในรูปซ้ำกันดูแปลกสะดุดตา แม่นางสองคนนั้นจ้องมองมาทางคนดูราวกับว่ากำลังจะบอกอะไรแก่เรา 

ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ชัดว่าภาพนี้คือใคร ใครวาด และผู้วาดต้องการสื่อสารอะไร สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ไว้ก็คือ ภาพนี้อาจแสดงถึงผู้หญิงสองคนที่เกิดและแต่งงานในวันเดียวกัน นอกจากนี้มีผู้ที่ให้ความเห็นว่าการจัดเรียงตัวละครในภาพทำให้นึกถึงรูปแกะสลักหลุมฝังศพและอาจเป็นการอุปมาอุปมัยวงจรชีวิตของการเกิดและการตาย

ต่อไปขอนำเสนอภาพที่นำเอาละครเชคสเปียร์มาใช้นะครับ 

                                                       ภาพจาก wilipedia commons

เริ่มจากภาพ Lady Macbeth Seizing the Daggers  Henry Fuseli มาจากละครเรื่องแมคเมธ ตอนที่พระเอกของเรื่องหลังการกระทำฆาตกรรมกษัตริย์ อยู่ในสภาพตระหนกตัวซีดเผือดขาวโพลนท่ามกลางความมืด ยืนเกร็งพร้อมกับมือที่กำลังกำมีดเปื้อนเลือด โดยด้านขวามือคือภรรยาที่เป็นผู้ยุยงให้กระทำการดังกล่าวซึ่งมีลักษะร่างกายขาวใสราวกับผี แสดงการตกใจอย่างสุดขีดในบรรยากาศชวนสยอง 


ภาพ Head of a Man ของ John Simpson เป็นนักแสดงผิวดำชื่อ Ira Aldridge (1807-1867) ซึ่งได้มาแสดงเป็นพระเอกละครในเรื่อง Othello ของเชคสเปียร์ ภาพนี้สำคัญตรงนี้เขาเป็นคนที่หล่อมาก และภาพก็แสดงความหล่อออกมาจากดวงตาที่มองบนอย่างแข็งแกร่ง คอเสื้อที่แบะออก และโทนสีพื้นน้ำตาลรองรับผิวดำแกร่งแบบลูกผู้ชาย


ภาพที่มีชื่อเสียงมากและผมก็ชอบมากด้วย ชื่อภาพโอฟิลเลีย (Ophelia) เป็นตัวละครสาวน้อยในเรื่องแฮมเลตของเชคสเปียร์ เธอกำลังล่องลอยไปตามสายธารที่มีธรรมชาติ ภายในชุดสวยรุ่มร่ามประดับดิ้นทองแวววับเบาบางล่องไปกับสายน้ำ ซึ่งเหมาะเข้ากันพอดีกับดอกไม้ใบหญ้าข้างลำธาร ในมือของเธอถือช่อดอกไม้เช่นกัน ราวกับจะใช้ประดับร่างของเธอเมื่อวางวาย ใบหน้าเหมือนกำลังจะสิ้นสติแต่ก็ยอมรับในการเลื่อนไหลไปสู่มรณะอย่างไม่ขัดขืน การตายของเธอจึงเป็นการตายอย่างนางเอก และเป็นการตายอย่างโรแมนติค[1]



[1] โอฟิลเลียคนรักของเจ้าชายแฮมเล็ต ผู้ซึ่งเสียใจจากการถูกเจ้าชายแสดงการหมางเมินทอดทิ้ง อีกทั้งยังเป็นผู้ปลิดชีวิตบิดาของเธอโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เธอเสียยติและเดินเคว้างคว้างออกจากบ้าน เมื่อมาถึงลำธานแห่งหนึ่งเธอได้ปีนไปที่ต้นไม้เพื่อนำพวงดอกไม้ไปคล้องบนกิ่ง แต่กิ่งนั้นได้หัก ตัวเธอจึงได้ร่วงลงและล่องลอยไปในสายธาร แม้ว่าร่างเธอจะค่อยๆจมลงในสายน้ำแต่เธอก็ยังคงไร้สติสัมปชัญญะได้แต่ร้องเพลงเรื่อยไปจนถูกดึงร่างลงสู่ใต้ลำธารในที่สุด


งานอีกชิ้นหนึ่งที่ผมโปรดปราน คือภาพความตายของโทมัสแชตเตอร์ตัน (The Death of Chatterton) ซึ่งเป็นกวีที่วางยาพิษตัวเองด้วยความสิ้นหวังเมื่ออายุสิบเจ็ดปี ภาพหนุ่มน้อยทรงสเน่ห์ที่ทอดกายระทวยบนเตียงราวกับจะตกลงมา แสดงอารมณ์แบบหนังเศร้าตอนจบจนคนดูต้องร้องไห้สงสาร (คู่กันกับภาพโอฟิลเลียเลย) กางเกงสีม่วงสดใสและเส้นผมสีแดง ยิ่งทำให้พ่อหนุ่มดูหล่อมี charactor อย่างพระเอก การตายของเขาจึงเป็นเรื่องโรแมนติคชวนให้เสียดาย ซึ่งในที่สุดแล้วเขาก็ได้เป็นพระเอกจริงๆเพราะหลังการตายได้มีคนนำเรื่องมาทำเป็นละครโด่งดัง

ภาพจาก wikicommons 

อีกภาพที่แสนจะอบอุ่นละมุนละไมของเด็กสองคนในสวนในชุดยาวสีขาวท่ามกลางดอกกุหลาบ คาร์เนชั่น และดอกลิลลี่สีขาวสะพรั่งในสนามหญ้า กำลังหยิบถือโคมไฟกระดาษขาวกลมที่มีแสงสีส้มอยู่ภายใน ชื่อว่าภาพ John Singer Sargent , Carnation, Lily, Lily, Rose  ภาพบรรยากาศของแสงยามเย็นบนเสื้อผ้าและดอกไม้ขาวเมื่อประกอบกับเด็กน้อยสองคนที่กำลังหยิบโคมไฟก็ยิ่งดูอ่อนโยนมากขึ้น จุดประกายด้วยแสงส้มในโคมก็ยิ่งดูอุ่นใจ

งานของศิลปินอีกคนที่เราชื่นชอบได้แก่ ฟรานซิสเบคอน ที่โปรดปรานมากก็เพราะงานของเขานั้นเครียดร้าวระทมสยอง โดยเฉพาะภาพ Figures at the Base of a Crucifixion - Three Creeks, Missouri เป็นรูปสัตว์ประหลาดคอยาวที่ดูพิกลพิการร่างกายบิดเบี้ยว อ้าปากที่มีฟันเรียงซี่ด้วยความเจ็บปวดทรมานสะใจจริงๆ งานของเบคอนชิ้นนี้ทำขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งสอง พ.ศ. 2488 จึงสะท้อนถึงความโหดร้ายของโลกในช่วงนั้น 




นอกจากนี้จะขอแนะนำผลงานของ เฮนรี่ มัวร์ (Henri moore) ที่ถูกสะสมไว้ที่นี่จำนวนมาก เฮนรี่ มัวร์ เป็นประติมากรอังกฤษที่มีสไตล์เฉพาะตัว งานของเขามีรูปทรงชวนให้นึกถึงหินปะการังที่มีมีรูปทรงหงิกงอและมีโพรงเว้า และหากใครบางคนดูแล้วคิดถึงกระดูกหรือหัวกะโหลกก็ต้องบอกเลยว่าใช่แล้ว คุณตาถึงมาก เพราะศิลปินได้สะสมกระดูกและหัวกระโหลกไว้ศึกษาในการสร้างงานไว้เยอะ บางครั้งก็ยังเก็บหินและหอยมานั่งมองก่อนสร้างประติมากรรมอีกด้วย 

งานของเขาจึงมีลักษณะภาพกึ่งนามธรรม (abstract) ที่เป็นรูปคนที่ไม่ใช่คน แต่ก็ดูออกว่ามันคล้ายๆกับคนในอิริยบทต่างๆ เช่นคนอ้วนกำลังเอนกาย ผู้หญิงผู้ชายที่นอนหรือนั่งเอกเขนก บางครั้งก็เป็นครอบครัว แต่ไม่ว่าเราจะมองเป็นอะไรก็ตาม สิ่งที่เหมือนกันก็คือความงามของช่องว่างที่สอดรับกันลงตัวดี มาชมงานของเขาที่นี้แล้วรับรองว่าไม่ผิดหวัง

หวังว่าท่านทั้งหลายคงได้อิ่มเอมเปรมใจกับผลงานของศิลปินหลายคนที่นี่นะครับ แต่หากใครสนใจไปชมงานยุคสมัยใหม่ให้สะใจยิ่งขึ้น สามารถข้ามฝั่งน้ำไปต่อที่ Tate modern ได้ หอศิลป์ที่นั่นสะสมงานตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 (1900 เป็นต้นไป) มีงานสมัยใหม่จุใจอย่างยิ่ง ใครจะไปบ้างยกมือขึ้น ผมนี่แหละจะพาไปตามมาละกัน


Comments

Popular posts from this blog

นำชมงานศิลปะ ที่หอศิลป์แห่งลอนดอน ((National Gallery of London)

หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London)

ชมงานศิลปินทั่วโลกที่หอศิลป์แห่งชาติสก๊อตแลนด์ (National Gallery of Scotland) เอดินบะระ